เรือนไทยทรงดำในความทรงจำ
คำสำคัญ : นครปฐม,นครสวรรค์,พิจิตร,พิษณุโลก,ราชบุรี,สุพรรณบุรี,สุโขทัย,เพชรบุรี,ไทดำ,
การสร้างเฮือนกระดองเต่านั้นไม่ใช้ตะปูในการตอก
แต่ใช้หวายในการมัดตั้งแต่โครงหลังคาและปูด้วยหญ้าคา ส่วนโครงสร้างหลักก็อาศัยการเข้าไม้ตามแบบโบราณ
ข้อสังเกตถึงความโดดเด่นของเฮือนกระดองเต่า น่าจะมองได้ 3 ส่วน ได้แก่ โครงสร้างเรือน เทคนิคการก่อสร้าง
และคติของการใช้พื้นที่ภายใน
โครงสร้างและบางเทคนิคก่อสร้าง
หลังคาโค้งดังกล่าวจะเรียกว่า กวางตุ๊บ สร้างขึ้นจากไม้รวกที่ถูกมัดรวบด้วยกันเป็นลักษณะกลม โดยการเหลื่อมของไม้รวกทำให้สามารถต่อได้ยาวตลาดรอบเรือน ภูมิชาย พันธุ์ไพโรจน์ กล่าวว่าโครงส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นแปและช่วยรัดรวบเสริมให้เกิดความแข็งแรงโดยรวมกับหลังคาทั้งหมด ยอดจั่วบนหลังคาบ้านมีการประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นกิ่งคล้ายเขาควาย หรือเขากวางไขว้กัน เรียกว่า “ขอกุด”
การใช้สอยพื้นที่ในเรือน
จั่วนั้นจะต้องขึ้นเหนือและลงใต้ เป็นบ้านขวางตะวัน ในคำว่า บ้านขวางตะวัน
บ้านจะบังแดด เวลาตกก็จะบังแดด และบ้านก็จะรับลมเหนือและใต้
เขาสร้างบ้านตามหลักภูมิศาสตร์ด้วย ให้บังแดด ให้รับลม เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษ
เขาตั้งเป็นกฎเกณฑ์ไว้เพื่อให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้
อธิป ย้อนเพชร ผู้ดูแลศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึงรูปแบบการก่อสร้างโดยรอบของเรือนไทดำ ลักษณะสำคัญดังกล่าวมักจะเป็นเรือนที่แบบหลังคาไม่มีจั่ว หลังคายกอกไก่สูง มุงด้วยตับต้นกกและลาดคลุมเป็นรูปคล้ายกระโจมจรดฝา เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนไม่มีฝาบ้าน เพราะหลังคาคลุมจนมองไม่เห็น เรือนแบบนี้ไม่มีหน้าต่างเพราะภูมิประเทศในเวียดนามและลาว อยู่ตามเทือกเขา อากาศหนาวเย็น ส่วนพื้นปูด้วยฟากไม้ไผ่ มีใต้ถุนบ้านสูงโดยใต้ถุนบ้านใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ด้วย
ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำบ้านหนองปรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี, ชุดเอกสารของ ดร.ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ
พื้นเรือนที่มีการสร้างแบบดั้งเดิมเพื่อแสดงให้เห็นเทคนิคการมัดและรูปแบบของเรือนดั้งเดิม วัดดอนมะเกลือ จังหวัดสุพรรณบุรี
เรือนกระดองเต่าของศูนย์วัฒนธรรมหลายแห่งเป็นสถานที่สำคัญ
ในหนึ่งรอบปี มีการจัดงานวันไทยทรงดำเพื่อเฉลิมฉลองและแสดงถึงความเป็นไทยทรงดำหรือไทดำ
ส่วนภายในเรือน
มักได้รับการจัดแสดงภายในมักนำเสนอภาพของการดำเนินชีวิตตามจินตนาการหรือความทรงจำ
บริเวณของเรือนแบ่งได้เป็นส่วน บนเรือน มีส่วนที่เป็นหน้าบ้านหรือเรียกว่ากวานต้าว หรือสถานที่ที่หลับนอนของบรรพบุรุษในบ้านในสมัยก่อน แขกสำคัญหรือแขกที่มาหาเรื่องงานพิธีอย่างเป็นทางการ จะต้องมาหาด้วยการขึ้นลงทางนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นทางขึ้นของผู้ชาย บันไดในบริเวณกวานต้าว สามารถยกขึ้นมาเก็บไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนขึ้น” ส่วนอีกฝั่งเป็นชานบ้านที่เรียกเนาะจาน หรือกวานจาน ตามคติปฏิบัติถือว่าเป็นทางขึ้นของผู้หญิง หรือฝั่งลูกเขยและลูกสะใภ้ ชานที่ยื่นออกไปกลางแจ้งเป็นบริเวณสำหรับการซักล้าง
ภายในเรือน มักถ่ายทอดเรื่องราวใน 2 ลักษณะ นั่นคือ ความเป็นอยู่และความเชื่อ
บริเวณที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่มักแสดงถึงการดำเนินชีวิต เช่น การประกอบอาหารหรือส่วนที่เรียกว่าครัวไฟ ครัวไฟมีส่วนสำคัญในการให้ความอบอุ่นกับบ้านเพราะบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานแต่เดิมนั้นอากาศเย็น นอกจากนี้ เรือนทรงกระดองเต่ามักทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ฟาก หญ้าคา ควันและละอองจากการจุดไฟเป็นสารช่วยให้แมลงไม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และรักษาบ้านให้คงทน เหนือเตาไฟมีส่วนที่เรียกว่า ‘ ส่า ’ สำหรับมีการถนอมอาหารที่วางไว้ในบริเวณนั้น
นอกจากการทำครัวแล้ว เรื่องราวของกิจวัตรประจำวันยังปรากฏในบริเวณที่เป็นพื้นที่สำหรับการหลับนอน มักนำเสนอด้วยมุ้งสีดำและ “ เสื่อ ” หรือฟูกที่เป็นสีดำ มีการทำลวดลายอยู่ที่ด้านข้าง แสดงให้เห็นทิศทางการนอนของสมาชิกภายในครัวเรือน
ครัวไฟ ห้องนอน และห้องบรรพบุรุษ ศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
บริเวณที่เป็นกะล้อห่องหรือห้องบรรพบุรุษ มีผนังไม้ไผ่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน สมาชิกผู้ชายและผู้อาวุโสจะเข้าไปเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษตามรอบวันที่กำหนดไว้แตกต่างกันระหว่างครอบครัวที่สืบทอดจากผู้ต้าว (บรรพชนเป็นท้าว) กับผู้น้อย (บรรพชนเป็นคนสามัญ) ภายในไม่มีรูปเคารพ แต่อาศัยการกำหนดมุมของเรือนเป็นบริเวณสำหรับเซ่นไหว้บรรพชน ในศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำ / ไทดำอีกหลายแห่ง ไม่พบการแบ่งห้องบรรพบุรุษไว้อย่างเป็นสัดส่วน อาศัยเพียงการวางเครื่องเซ่นไว้ที่มุมเสาฝั่งตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นเรือน
ส่วนใต้ถุนบ้านจะสูงโล่งกว้าง ใช้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ ในทุกวันนี้ ใต้ถุนกลายเป็นสถานที่ของการนำเสนอการทอผ้าและใช้เป็นบริเวณต้อนรับผู้มาเยือน หลายแห่งจะพบกี่ทอผ้าเพียงหนึ่งถึงสองหลัง ในขณะที่อีกหลายแห่ง กลายเป็นศูนย์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าวัฒนธรรมจากงานฝีมือให้กับผู้สนใจ
ไม้ง่ามเสาเรือน ศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี
นอกเหนือจากเรื่องราวของโครงสร้างเรือนและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแล้ว ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำ / ไทดำมักนำเสนอหุ่นจัดแสดงเครื่องแต่งกายทั้งชายและหญิงได้รับการนำเสนอเอาไว้ ที่เป็นชุดแต่งกายในชีวิตประจำวันและที่ใช้ในพิธีกรรม และงานปักผ้าเปียวและการตกแต่งหน้าหมอน เพื่ออธิบายถึงการสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าของผู้หญิงไทดำและความพร้อมในการออกเหย้าออกเรือน
ส่วนเครื่องจักสานที่เป็นทั้งเครื่องมือทางการเกษตรและเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกะเหล็บที่ใช้ใส่ข้าวของ มีรูปทรงคล้ายตุ่มน้ำดินเผา แต่มีก้นสอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปากกลม ถักด้วยหวาย สำหรับบอกเล่าถึงความสามารถของผู้ชายที่ต้องสานกะเหล็บเป็น และแสดงว่าตนเองนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว
เครื่องแต่งกาย ศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทรงดำ
ดอนคลัง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการดอนคลัง ตำบลดอนคลัง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี

การสร้างเฮือนกระดองเต่านั้นไม่ใช้ตะปูในการตอก
แต่ใช้หวายในการมัดตั้งแต่โครงหลังคาและปูด้วยหญ้าคา ส่วนโครงสร้างหลักก็อาศัยการเข้าไม้ตามแบบโบราณ
ข้อสังเกตถึงความโดดเด่นของเฮือนกระดองเต่า น่าจะมองได้ 3 ส่วน ได้แก่ โครงสร้างเรือน เทคนิคการก่อสร้าง
และคติของการใช้พื้นที่ภายใน
โครงสร้างและบางเทคนิคก่อสร้าง
หลังคาโค้งดังกล่าวจะเรียกว่า กวางตุ๊บ สร้างขึ้นจากไม้รวกที่ถูกมัดรวบด้วยกันเป็นลักษณะกลม โดยการเหลื่อมของไม้รวกทำให้สามารถต่อได้ยาวตลาดรอบเรือน ภูมิชาย พันธุ์ไพโรจน์ กล่าวว่าโครงส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นแปและช่วยรัดรวบเสริมให้เกิดความแข็งแรงโดยรวมกับหลังคาทั้งหมด ยอดจั่วบนหลังคาบ้านมีการประดับด้วยไม้แกะสลักเป็นกิ่งคล้ายเขาควาย หรือเขากวางไขว้กัน เรียกว่า “ขอกุด”
การใช้สอยพื้นที่ในเรือน
จั่วนั้นจะต้องขึ้นเหนือและลงใต้ เป็นบ้านขวางตะวัน ในคำว่า บ้านขวางตะวัน
บ้านจะบังแดด เวลาตกก็จะบังแดด และบ้านก็จะรับลมเหนือและใต้
เขาสร้างบ้านตามหลักภูมิศาสตร์ด้วย ให้บังแดด ให้รับลม เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษ
เขาตั้งเป็นกฎเกณฑ์ไว้เพื่อให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้
อธิป ย้อนเพชร ผู้ดูแลศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวถึงรูปแบบการก่อสร้างโดยรอบของเรือนไทดำ ลักษณะสำคัญดังกล่าวมักจะเป็นเรือนที่แบบหลังคาไม่มีจั่ว หลังคายกอกไก่สูง มุงด้วยตับต้นกกและลาดคลุมเป็นรูปคล้ายกระโจมจรดฝา เมื่อมองจากระยะไกล เหมือนไม่มีฝาบ้าน เพราะหลังคาคลุมจนมองไม่เห็น เรือนแบบนี้ไม่มีหน้าต่างเพราะภูมิประเทศในเวียดนามและลาว อยู่ตามเทือกเขา อากาศหนาวเย็น ส่วนพื้นปูด้วยฟากไม้ไผ่ มีใต้ถุนบ้านสูงโดยใต้ถุนบ้านใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ด้วย
ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำบ้านหนองปรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี, ชุดเอกสารของ ดร.ฉวีวรรณ ประจวบเหมาะ
พื้นเรือนที่มีการสร้างแบบดั้งเดิมเพื่อแสดงให้เห็นเทคนิคการมัดและรูปแบบของเรือนดั้งเดิม วัดดอนมะเกลือ จังหวัดสุพรรณบุรี
เรือนกระดองเต่าของศูนย์วัฒนธรรมหลายแห่งเป็นสถานที่สำคัญ
ในหนึ่งรอบปี มีการจัดงานวันไทยทรงดำเพื่อเฉลิมฉลองและแสดงถึงความเป็นไทยทรงดำหรือไทดำ
ส่วนภายในเรือน
มักได้รับการจัดแสดงภายในมักนำเสนอภาพของการดำเนินชีวิตตามจินตนาการหรือความทรงจำ
บริเวณของเรือนแบ่งได้เป็นส่วน บนเรือน มีส่วนที่เป็นหน้าบ้านหรือเรียกว่ากวานต้าว หรือสถานที่ที่หลับนอนของบรรพบุรุษในบ้านในสมัยก่อน แขกสำคัญหรือแขกที่มาหาเรื่องงานพิธีอย่างเป็นทางการ จะต้องมาหาด้วยการขึ้นลงทางนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นทางขึ้นของผู้ชาย บันไดในบริเวณกวานต้าว สามารถยกขึ้นมาเก็บไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนขึ้น” ส่วนอีกฝั่งเป็นชานบ้านที่เรียกเนาะจาน หรือกวานจาน ตามคติปฏิบัติถือว่าเป็นทางขึ้นของผู้หญิง หรือฝั่งลูกเขยและลูกสะใภ้ ชานที่ยื่นออกไปกลางแจ้งเป็นบริเวณสำหรับการซักล้าง
ภายในเรือน มักถ่ายทอดเรื่องราวใน 2 ลักษณะ นั่นคือ ความเป็นอยู่และความเชื่อ
บริเวณที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่มักแสดงถึงการดำเนินชีวิต เช่น การประกอบอาหารหรือส่วนที่เรียกว่าครัวไฟ ครัวไฟมีส่วนสำคัญในการให้ความอบอุ่นกับบ้านเพราะบริเวณที่ตั้งถิ่นฐานแต่เดิมนั้นอากาศเย็น นอกจากนี้ เรือนทรงกระดองเต่ามักทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ฟาก หญ้าคา ควันและละอองจากการจุดไฟเป็นสารช่วยให้แมลงไม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และรักษาบ้านให้คงทน เหนือเตาไฟมีส่วนที่เรียกว่า ‘ ส่า ’ สำหรับมีการถนอมอาหารที่วางไว้ในบริเวณนั้น
นอกจากการทำครัวแล้ว เรื่องราวของกิจวัตรประจำวันยังปรากฏในบริเวณที่เป็นพื้นที่สำหรับการหลับนอน มักนำเสนอด้วยมุ้งสีดำและ “ เสื่อ ” หรือฟูกที่เป็นสีดำ มีการทำลวดลายอยู่ที่ด้านข้าง แสดงให้เห็นทิศทางการนอนของสมาชิกภายในครัวเรือน
ครัวไฟ ห้องนอน และห้องบรรพบุรุษ ศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
บริเวณที่เป็นกะล้อห่องหรือห้องบรรพบุรุษ มีผนังไม้ไผ่กั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน สมาชิกผู้ชายและผู้อาวุโสจะเข้าไปเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษตามรอบวันที่กำหนดไว้แตกต่างกันระหว่างครอบครัวที่สืบทอดจากผู้ต้าว (บรรพชนเป็นท้าว) กับผู้น้อย (บรรพชนเป็นคนสามัญ) ภายในไม่มีรูปเคารพ แต่อาศัยการกำหนดมุมของเรือนเป็นบริเวณสำหรับเซ่นไหว้บรรพชน ในศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำ / ไทดำอีกหลายแห่ง ไม่พบการแบ่งห้องบรรพบุรุษไว้อย่างเป็นสัดส่วน อาศัยเพียงการวางเครื่องเซ่นไว้ที่มุมเสาฝั่งตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นเรือน
ส่วนใต้ถุนบ้านจะสูงโล่งกว้าง ใช้เก็บสิ่งของเครื่องใช้ ในทุกวันนี้ ใต้ถุนกลายเป็นสถานที่ของการนำเสนอการทอผ้าและใช้เป็นบริเวณต้อนรับผู้มาเยือน หลายแห่งจะพบกี่ทอผ้าเพียงหนึ่งถึงสองหลัง ในขณะที่อีกหลายแห่ง กลายเป็นศูนย์หัตถกรรมของกลุ่มแม่บ้านที่ผลิตสินค้าวัฒนธรรมจากงานฝีมือให้กับผู้สนใจ
ไม้ง่ามเสาเรือน ศูนย์ฟื้นฟูวัฒนธรรมไตดำโบราณ ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี
นอกเหนือจากเรื่องราวของโครงสร้างเรือนและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านแล้ว ศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงดำ / ไทดำมักนำเสนอหุ่นจัดแสดงเครื่องแต่งกายทั้งชายและหญิงได้รับการนำเสนอเอาไว้ ที่เป็นชุดแต่งกายในชีวิตประจำวันและที่ใช้ในพิธีกรรม และงานปักผ้าเปียวและการตกแต่งหน้าหมอน เพื่ออธิบายถึงการสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าของผู้หญิงไทดำและความพร้อมในการออกเหย้าออกเรือน
ส่วนเครื่องจักสานที่เป็นทั้งเครื่องมือทางการเกษตรและเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกะเหล็บที่ใช้ใส่ข้าวของ มีรูปทรงคล้ายตุ่มน้ำดินเผา แต่มีก้นสอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปากกลม ถักด้วยหวาย สำหรับบอกเล่าถึงความสามารถของผู้ชายที่ต้องสานกะเหล็บเป็น และแสดงว่าตนเองนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว
เครื่องแต่งกาย ศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยทรงดำ
ดอนคลัง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการดอนคลัง ตำบลดอนคลัง อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี