Culture Matters for all
“พ่อไม่เคยหวงแหน ยึดติด ด้วยความคิดที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราหยิบยืมมาใช้ ...บ้านนี้คือบ้านที่พ่อยืมพักอาศัย
สำหรับผม บ้านหลังนี้คือ ‘ที่พำนักแห่งจิตวิญญาณ เพื่องานของแผ่นดิน’”
ญาณี ตราโมทกล่าวถึงบ้านที่คงเป็นทั้งโรงเรียนสอนดนตรีไทยเพื่อรักษาทางเพลงของครูมนตรีและสถานที่ถ่ายทอดชีวิตอันสมถะของศิลปิน
•ภายในเรือนไม้ดังกล่าวคงรูปแบบการตกแต่งหลัก ๆ เอาไว้แสดงให้เห็นการเป็นพุทธมามกะที่ดีและความเป็นระเบียบ
•ภาพถ่ายสะท้อนช่วงชีวิตต่าง ๆ ของครูมนตรี รวมถึงสิ่งที่ประกาศเกียรติคุณล้วนยืนยันถึงคุณงามความดีของท่าน
บริเวณห้องนอนประกอบด้วยเตียงไม้และเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้น
”เตียงนี้ก่อนผมเกิด ตอนทำพิพิธภัณฑ์เตียงนี้หักหมด ต้องซ่อมใช้โครงเหล็กเข้าไป ...พ่อชอบแต่งเพลงตอนเช้ามืดหรือก่อนนอน มีการเคาะเสียงเป็นจังหวะเพลง”
ญาณี ตราโมท ชี้ให้เห็นหัวเตียงที่มีร่องรอยของการเคาะจังหวะของครูมนตรี
นอกเหนือจากเรือน จะทำให้ผู้มาเยือนได้รู้จักการดำเนินชีวิตอันเรียบง่ายของครูมนตรีแล้ว ส่วนล่างยังมีการต่อเติมเป็นนิทรรศการที่บอกเล่าประวัติและผลงาน ให้ผู้ชมได้เห็นโน้ตเพลง บทละคร ตำราวิชาการ และโต๊ะทำงานในกรมศิลปากร
ทางเชื่อมมายังอาคารด้านหลังที่สร้างขึ้นเป็นพื้นที่กิจกรรม
“ลายผ้าของเดิมมีเพียงไม่กี่ลาย ป้าดัดแปลงให้แปลกออกไปได้ลายใหม่ บางทีก็สอดสีให้แตกต่างจากเดิมบ้าง บางทีก็ดูจากผ้าสมัยใหม่ ดูลวดลายที่นิยมกันแล้วเอามาคิดทำลายทอผ้า ป้าทำหูกทอผ้าให้เป็นหกตะกอ ซึ่งทำให้คิดแบบลายได้มากขึ้น” (แสงดา บันสิทธิ์ อ้างใน อำนวย จั่นเงิน 2542)
• พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าแสงดาเปิดต้อนรับผู้คนหนึ่งปีใหม่หลังจากการจากไปของ “ป้าดา” โดยลูกสาว ”เสาวนีย์ บันสิทธิ์” เมื่อ พ.ศ. 2537
• พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใช้เรือนหลังเดิมที่ “ป้าดา” และครอบครัวเคยอยู่อาศัยบันทึกและถ่ายทอดชีวิตความผูกพันของสมาชิกในครัวและการรังสรรค์ผลงานผ้าทอมือ รวมทั้งจัดแสดงผืนผ้าที่มีความโดดเด่นและสวยงาม
• ห้องต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการถ่ายทอดประวัติ การดำเนินชีวิต และผลงานของป้าดา
“...พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่แค่บ้านที่อยู่กับคุณยาย เพราะเคยเป็นเรือนเก่าของเจ้าแก้วนวรัฐ และเป็นเรือนที่มีเรื่องราวของคุณยาย”
ระเบียงหน้าบ้านเคยเป็นบริเวณที่ป้าดาขายผ้า หน้าต่างได้รับการติดตั้งตั้งครั้งนั้นและเปิดรับผู้มาเยือนเสมอ แต่ปรับปรุงเป็นนิทรรศการ ผู้ชมทำความรู้จักเจ้าของเรือนในบริเวณแรกจากภาพถ่ายและตัวอย่างของใจฝ้ายและตัวอย่างของวัสดุธรรมชาติสำหรับย้อมสี
บริเวณนี้เคยเป็นห้องนอนของลูกสาวป้าดา “เสาวนีย์ บันสิทธิ์” ที่บอกเล่าเรื่องราวของสี การผสมผสานในการย้อม นำเสนอผลงานชิ้นงามให้เห็นถึงความสร้างสรรค์ของเจ้าของเรือน
จากห้องนั่งเล่น กลายเป็นสถานที่นำภาพถ่ายและหนังสือที่ตีพิมพ์ผลงานของป้าดาทั้งในภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น และภาพ “ส่งสการ” พิธีการปลงศพแบบล้านนา
ภาพถ่ายบนผนังแสดงให้เห็นบุคคลสำคัญต่าง ๆ ในช่วงชีวิตป้าดา
“ห้องคุณยายจะเย็นสุด เพราะมีลมโกรกมาจากแม่น้ำ ตอนพี่ต้อมยังเด็ก ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ จุดตะเกียง คุณยายกางมุ้ง” เนาวรัตน์ บันสิทธิ์ ถ่ายทอดเรื่องราวอย่างมีชีวิตชีวา
ห้องครัวแสดงครัวไฟแบบดั้งเดิม เพราะป้าดาเป็นคนชอบทำครัวและคุ้นชินกับครัวไฟล้านนา แต่ก็นำเสนอเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ ๆ เพื่อฉายให้เห็นคนที่อยู่อาศัยหลายรุ่น
คงเป็นสถานที่แสดงฝีมือของช่างทอผ้า ให้ผู้มาเยือนได้เห็นกรรมวิธีการผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การเตรียมเส้นดาย การย้อมสี และการทอผ้า
พิพิธภัณฑ์ผ้าป้าดานับเป็นมรดกของครอบครัว “บันสิทธิ์” ที่ไม่เพียงถ่ายทอดประวัติ ผลงาน ของ “แสงดา บันสิทธิ์” แต่สร้างความรู้สึกของความเป็นบ้านให้กับผู้มาเยือน
เรื่องเล่าที่กำกับบริเวณต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นความผูกพันระหว่างสมาชิกในครอบครัวกับเรือน เรือนจึงเป็นทั้งสถานที่พำนัก การทำงาน และถ่ายทอดหัตถศิลป์จากรุ่นสู่รุ่น
เสาว์ บุญเสนอ (พ.ศ.2452-2544) อุทิศที่ดินและบ้านไม้ชั้นเดียวที่มีสวนหลังบ้านในซอยเทวรัตน์ ย่านบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ให้กับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544 สถานที่แหล่งนี้เป็นที่ทำการของสมาคมและเป็นแห่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนหน้าใหม่ในเส้นทางนักเขียน
ชมัยภร แสงกระจ่าง อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย กล่าวไว้ว่า “ลุงเสาว์ทำงานหนักและใช้เงินอย่างมัธยัสถ์” รายได้จากการเขียนหนังสือและแปลบทภาพยนตร์ นอกจากจะใช้เพื่อยังชีพแล้ว ยังเก็บหอมรอมริบจนสามารถซื้อที่ดินและปลูกบ้านหลังนี้สำหรับอยู่กับภรรยา หรือ “ศรีสุดา วิกเตอร์”
เป็นวันเปิดพิพิธภัณฑ์และสำนักงานสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ชมัยภร แสงกระจ่างกล่าวถึงเป้าหมายของพิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียนแห่งนี้ ว่า “ตั้งชื่อพิพิธภัณฑ์บ้านนักเขียน อยากให้เห็นว่านักเขียนมีชีวิตที่เรียบง่าย ...ไม่ได้มีอะไรเกินไปกว่ามนุษย์ธรรมดา …แล้วนักเขียนคนใดอยู่อย่างสมถะ จะสามารถอุทิศตนให้สังคม”
ในห้องทำงาน แสดงหนังสือพิมพ์ประมวญสาร ประมวญวัน และต้นฉบับงานเขียนของ ส.บุญเสนอ อันเป็นผลงานในแวดวงนักเขียน
นอกเหนือจากต้นฉบับและผลงานที่ตีพิมพ์แล้ว เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องกระเบื้องเล็ก ๆ น้อย ได้รับการจัดเรียงไว้บนตู้ไม้ แม้ไม่มีมูลค่ามากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดบุคลิกลักษณะของนักเขียนที่เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย
ห้องนอนคงมีเตียงของ ส.บุญเสนอ และภรรยา ที่จัดวางไว้ที่เดิม โต๊ะเครื่องแป้งที่มีภาพป้าศรีสุด้าในวัยสาว และตู้เสื้อผ้า ทั้งหมดฉายภาพความผูกพันและความทรงจำของทั้งสอง
การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มักเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดอบรมนักเขียนโดยสมาคม สำหรับถ่ายทอดอุดมการณ์ของความเรียบง่ายในอาชีพนักเขียน
บูรพา อารัมภีร อดีตนายกสมาคมที่เคยดูแลบ้านนักเขียน และหาหนทางในการขอทุนสนับสนุน แต่คงเป็น “ความไม่ลงตัว” กับหน่วยงานรัฐที่เรียกร้องให้ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์
พิพิธภัณฑ์บ้าน นาม “มณเฑียร์ อัตเตอลิเยร์” ในย่านงามวงศ์วาน นนทบุรี เป็นสมบัติที่มณเฑียร บุญมา ศิลปินคนสำคัญในการบุกเบิกงานศิลปะสื่อผสม กว่าสามทศวรรษ ตกทอดให้กับบุตรชาย จุมพงษ์ บุญมา
การแปรสภาพของสถานที่พำนักและทำงานของศิลปินให้กลายเป็นคลังสะสมต้นแบบผลงาน เอกสาร บันทึก และวัสดุต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดพัฒนาการทางความคิด ความสนใจ และการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัย
“งานทุกอย่างพวกสเก็ตช์ ฟิล์ม ...ทุกอย่างอยู่ในโรงรถ ห้องเก็บของ ...ไม่มีใครดูเลยตั้งแต่คุณพ่อวางไว้ตอนนั้น” จุมพงษ์ บุญมา บอกเล่าถึงต้นฉบับงานต่าง ๆ ของมณเฑียร ที่สามารถฉายให้เห็นพัฒนาการทางความคิดของศิลปิน
“ทุกครั้งที่มาบ้านหลังนี้ เรารู้สึกถึงพลัง ถึงความคิดพิเศษของอาจารย์อยู่ในนั้น ซึ่งสิ่งนี้ยังอยู่ แล้วเรา inspire มาก...เราจะทำอย่างไรให้คนรู้สึกว่า มาที่นี่แล้ว รู้ถึงจิตวิญญาณของอาจารย์มณเฑียร ...ไม่ใช่เชื่อมโยงด้วยบรรยากาศแบบเดิม เพราะบ้านถูก renovate ไปแล้ว” โสมสุดา เปี่ยมสัมฤทธิ์ สะท้อนให้เห็นถึงการตัดสินใจให้พิพิธภัณฑ์บ้านหลังนี้มีรูปแบบการนำเสนอเป็นแกลลอรี่ ไม่ใช่การจำลองบรรยากาศของบ้าน
• ในพื้นที่ 25 ตารางเมตรจากการปรับห้องนอนให้เห็นโถงโล่งเชื่อมต่อกัน ชั้นไม้ พื้นหลังเป็นผนังขาว นำเสนอสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับการสร้างสรรค์ผลงาน
• งานร่างแบบ วัสดุทดลองต่าง ๆ ภาพถ่าย และสิ่งของเครื่องใช้ สะท้อน“ระหว่างทาง” ในการทำงานเรียกได้ว่าเป็น “จดหมายเหตุ” ที่ส่งพลังถึงความเข้าใจในชิ้นงานของศิลปิน
“ยิ่ง sketch ก็ยิ่งเข้าใจในสิ่งที่จะสร้าง และเข้าใจเรื่องราวแง่มุมเพิ่มขึ้น ฉะนั้นงานวาดเส้นของพ่อเป็นการบันทคกความคิดที่จะทำให้เป็นรูปในผลงานนั้น ๆ จะร่างทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ idea เริ่มแรกจึงเขียนทุกอย่างลงไปแล้วค่อย ๆ แก้ใน sketch นั้น ๆ จนสมบูรณ์ขึ้น”
ผู้สนใจศึกษาและต้องการทำความรู้จัก “มณเฑียร” มากขึ้น ยังค้นคว้าได้จากหนังสือและเอกสารที่รวบรวมไว้มุมหนึ่ง
ช่างภาพ : ศิวพงษ์ วงศ์คูณ, ศุภกรานต์ พุ่มพฤกษ์
ผู้ให้ข้อมูล : เนาวรัตน์ บันสิทธิ์, ชมัยภร แสงกระจ่าง, บูรพา อารัมภี, ญาณี ตราโมท, จุมพงษ์ บุญมา, โสมสุดา เปี่ยมสัมฤทธิ์